พนันออนไลน์

หนังจีน หนังชนโรง หนังเต็มเรื่อง HD

หนังจีน Polaroid ถ่ายติดตาย หนังสยองขวัญเรื่อง Polaroid 2019 ที่ว่ากันว่าแย่ขั้นสุดมาดูกันว่าจะเป็นแบบที่เขาล่ำลือรึเปล่า ภาพยนต์ประเด็นนี้ได้ผลงานที่ต่อยอดมาจากภาพยนตร์เรื่องสั้นที่ใช้ชื่อเดียวกัน หนังฟรี ดังที่ได้ไปค้นคว้ามาทำให้ทราบว่าหัวข้อนี้เคยถูกนำไปขึ้นหิ้งตั้งแต่ปี 2017 มีกระแสตื่นเต้นทำให้คนก็ทายใจกันไปหลายทางแต่ว่าด้วยปัญหาเรื่องงบประมาณ ทำให้จะต้องจบการถ่ายทำลง ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต แล้วก็ได้กลับมาคัมแบ็คอีกทีในปี 2019 ซึ่งได้งบประมาณถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ยาวเต็มเรื่อง (แต่ว่าก็เป็นหนังทุนต่ำอยู่ดีนั่นแหละ) โดยมากับเรท PG-13 อันน่ารักน่าเอ็นดูนี้เอง (ฮา)

ช้าก่อนสำหรับแฟนหนังสยองขวัญทั้งหลายแหล่อย่าเพิ่งจะเดินหนีกันไป รายละเอียดในเรื่องแอบจะโหดเหี้ยมเกินเรทที่ระบุออกมา แม้กระนั้นถึงแบบนั้นมันก็มิได้เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมอะไรเลย ดูหนังฟรี ถ้าเกิดมันได้เรท R มาก็คงทำอะไรออกมาได้เมืองนรกแตกมากยิ่งกว่านี้ ถ้าเกิดไม่คิดอะไรมากมายก็เป็นหนังที่ดูแล้วเพลิดเพลินๆแต่ว่าถ้าเกิดคุณเป็นสายตั้งใจจริงซีเรียสพินิจพิจารณาหนังแล้วละก็ คงจะได้อารมณ์เสียตลอดทั้งเรื่องแน่นอน

Polaroid ถ่ายติดตายการดำเนินเรื่องของหนังหัวข้อนี้ตามแนวฉบับเดียวกับ Light Out หนังสยองขวัญในดวงใจคนอีกจำนวนไม่น้อย (ฉากตระหนกตกใจ) ในปี 2016 ที่ถือเอาหนังสั้นชื่อเดียวกัน มาปัดฝุ่นสร้างใหม่เป็นหนังเรื่องยาวที่ได้ผู้กำกับเดิมจากหนังสั้นต้นฉบับตามมาดูแล แล้วหนังก็บรรลุความสำเร็จรวมทั้งส่งให้ เดวิด เอฟ.แซนด์เบิร์ก

ได้กระโดดไปควบคุมหนังทุนสูงอย่าง Shazam! และก็ยังได้เสียงตอบรับที่ดีอย่างเดิม  หนังจีน แต่ว่าสำหรับหนัง Polaroid หัวข้อนี้ จับเอาหนังสั้นชื่อเดียวกันของ ลาร์ส เคลฟเบิร์ก ปี 2015 มาแล่ดัดแปลงแก้ไขแล้วก็ปัดฝุ่นใหม่ แต่ว่าจุดที่พลาดอย่างหนักเป็น ตัวหนังสั้นต้นฉบับมิได้มีความน่าสะพรึงกลัวเลยนิดหน่อย ไม่รู้เรื่องว่าคนสร้างกำเนิดไปถูกโฉลกอะไรกับหนังสั้นหัวข้อนี้ ถึงได้ต้องการจับมาขยายเป็นภาพยนตร์ แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็มิได้มีรายละเอียดที่สืบต่อหรือคล้ายกับฉบับหนังสั้นเลยซะงั้น

บทฉบับภาพยนตร์ของ Polaroid เขียนโดย กางลร์ บัตเลอร์ ที่จำนวนมากทำเรื่องโทรทัศน์ซีรี่ส์หรือหนังสั้น เพียงพอจำเป็นต้องมาเพียรพยายามจับโยงเรื่องของเจ้ากล้องถ่ายภาพโพลารอยด์ที่ถ่ายแล้วได้ภาพในทันทีนี้ ให้โยงเกิดเรื่องราวสยองขวัญค่อนข้างจะมองทุกข์ยากลำบากจนถึงแถสีข้างแบบทุลักทุเลสักนิดเมื่อถ่ายติด แล้วถูกตายคุณกล้าถ่ายภาพหรือไม่

ถ้าว่าทุกคนในรูปจำเป็นที่จะต้องตาย! เบิร์ด ฟิทเชอร์ (แคทรีน เพรสคอตต์) ได้เจอกับกล้องถ่ายภาพโพลารอยด์ตัวหนึ่งในร้านขายของเก่า แม้กระนั้นแล้วคุณกลับได้มาพบว่าคนที่ถูกถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปตัวนี้ล้วนแล้วแต่ต้องตายอย่างน่า สยองขวัญ คุณรวมทั้งเพื่อนพ้องๆก็เลยจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกมาจากเหตุการณ์นี้ก่อนที่จะพวกคุณทุกคนจะ ถูกมันฆ่า!

หนังเล่นกับนักแสดงสาวน้อยคนวัยมันส์ เบิร์ด ฟิตเชอร์ ให้เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นวัยรุ่นที่ค่อนข้างจะขี้ระแวง รวมทั้งค่อนข้างจะขวยเขินนิดๆไม่ค่อยเก่งในหัวข้อการเข้าสังคม คุณเป็นผู้เรียนมัธยมที่ติดอกติดใจสำหรับเพื่อการถ่ายรูป มีงานที่ทำเวลาว่างเป็นการถ่ายภาพ เลิกเรียนคุณไปรับงานเสริมหายรายได้เพิ่มที่้ร้านขายของเก่า รวมทั้งได้พบกับ ไทเลอร์

หลานชายเถ้าแก่ที่ดูเหมือนจะแอบรักคุณอยู่ เขาก็เลยเอากล้องถ่ายรูปโพลารอยด์รุ่นคลาสสิกที่ซื้อมาให้เป็นของขวัญกับคุณ คุณก็เลยตื่นเต้นที่ได้นำมันออกไปถ่ายภาพเป็นอย่างมาก ก็เลยถ่ายภาพไทเลอร์เป็นรูปแรก แล้วคืนนั้นคุณก็ไปงานงานเลี้ยงรวมทั้งถ่ายภาพกลุ่มเพื่อนพ้องๆแล้วหลังจากนั้นก็พบว่าบรรดาเพื่อนพ้องๆที่คุณถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายภาพโพลารอยด์ทยอยตายครั้งละคน เบิร์ดก็เลยเริ่มแสวงหาสาเหตุของกล้องถ่ายภาพโพลารอยด์ตัวนี้

อย่างไรก็แล้วแต่เจ้ากล้องตัวนี้มากับความสยองขวัญ ผู้ใดก็ตามที่ถูกถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพตัวนี้ จะถูกทำสัญลักษณ์ที่ความตาย แล้วแน่ๆพวกเขาต้องตายจริงๆบทหนังเริ่มได้น่าค้นหามากมาย  หนังจีน ทั้งยังการปูตัวตนของกางลร์ให้เป็นเด็กหญิงที่มีอดีตกาลที่ระทมใจและก็รอยแผลลึกลับที่อยู่บนคอคุณ ทำให้คุณมีจุดด้วย แปลงเป็นเด็กมีปัญหา

เวลาจะไปไหนก็จำต้องใส่ผ้าที่มีไว้สำหรับพันคอปกปิดรอยแผลตลอดระยะเวลา มาจนกระทั่งปัญหาของกล้องถ่ายรูปโพลารอยด์ที่เชื้อเชิญติดตามว่ามันมีอะไรอยู่ในกล้องถ่ายรูปนี้กันแน่ รวมทั้งเพราะเหตุไรผู้ที่ถูกถ่ายรูปถึงถูกตาย ในช่วงหลังนี้หนังเดินหน้าไปตามสูตรหนังสยองขวัญหลายๆเรื่อง ด้วยการซ่อนเร้นธีมของแนวสอบปากคำค้นหาวิญญาณร้ายรวมทั้งหาทางยั้งให้ทันก่อนที่จะเพื่อนพ้องๆของคุณจะเสียชีวิตกันหมด เบิร์ด

ตามสืบมากระทั่งพบตัวตนของวิญญาณร้ายและก็พบว่าเชื่อมกับคดีที่สยดสยองมากมาย โยงไปเกี่ยวเนื่องกับผู้แสดงสำคัญรายหนึ่งที่เผยตัวมาก่อนหน้านี้ นับว่าบทภาพยนตร์มีลีลาท่าทางสำหรับเพื่อการเล่าที่กลับไปกลับมาได้น่าดึงดูด แม้ว่ารายละเอียดจะดำเนินแบบหนังตามปัญหา แต่ว่าก็เป็นการเดินตามปัญหาที่ทำเป็นดี น่าถูกอกถูกใจคนชอบดูหนังสยองขวัญสายชิลไม่คิดอะไรมากมาย

ตัวภาพยนตร์จะมีการนำปูเรื่องราวมาอย่างยอดเยี่ยม เบาๆเล่าทำให้พวกเรารู้จักกับนักแสดงต่างๆรวมทั้งติดตามมองว่าพวกเขาจะทำยังไงถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตามกล่าวโทษจริงว่าที่แท้แล้วกล้องถ่ายภาพนี้มันมีที่มายังไง เพื่อปกป้องไม่ให้เพื่อนพ้องของคุณรวมทั้งตัวคุณเองจะต้องโดนรุกรามจากอันตรายจากสิ่งลึกลับนี่เป็นทั้งสิ้นของหนังหัวข้อนี้ มันออกจะที่จะเป็นไอเดียที่น่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย แถมในตัวหนังก็มีอะไรหลายประเภทที่ทำออกมาได้ดิบได้ดีพอเหมาะพอควร การแสดงนับว่าไม่ห่วยในรูปภาพรวม

วิญญาณแล้วก็ความแค้นแต่ว่าที่โศกสลดเป็นหนังที่ปูมาดีแต่แรก กลับถูกเติมแต่งเกินงามไปเยอะแยะ ประหนึ่งว่าปรุงมากเกินไปกลัวผู้ชมไม่สนุก ในที่สุดเปลี่ยนเป็นว่าหนังก็หลุดพ้นตรรกะความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปจนได้ รวมถึงการบัพพลังอำนาจให้ผีซะกระทั่งเวอร์วังเสียจนกระทั่งไม่รู้จักว่าจะชี้แจงสิ่งที่ทำให้เกิดพลังพวกนี้ยังไง ก็เลยทำเป็นลืมๆมันไปไม่เอ่ยถึงที่มาดียิ่งกว่า

สมัยก่อนของนางเอกที่ปูมาแต่เดิมไว้น่าดึงดูด ก็เฉลยคำตอบมาในตอนหลังเป็นเรื่องเศร้าที่ฝังลึกในใจคุณแล้วก็เป็นต้นเหตุของรอยแผลบนคอ แต่ว่าแปลงเป็นว่าทั้งยังรอยแผลรวมทั้งสมัยก่อนอันลึกลับของคุณก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเส้นเรื่องหลัก มิได้เป็นประโยชน์อะไรกับการมาต่อสู้กับวิญญาณร้ายแม้แต่น้อย อะไรกันครับผมเนี่ย จะเล่าให้ฟังเพราะเหตุไร และก็ผมมั่นใจว่าคนพอใจหนังประเด็นนี้เนื่องจากบทที่มาปูมาอย่างนี้มีไม่น้อย

และก็ที่ต้องการบอกจริงเป็นตัวผีที่สิงกล้องถ่ายภาพ มันเป็นวิญญาณร้ายเคียดแค้นขั้นสุด พอเพียงพูดยาวเรื่องความพยาบาทออกมาก็เริ่มเข้าใจอยู่ การออกมาเก็บเหยื่อรายแรกๆออกมาเป็นเงา ราวที่อยู่ในรูปภาพโพลารอยด์ ก็ยกย่องผู้กำกับนะว่าเพียงแค่เงามืดก็เสนอออกมาได้น่าสยองซึ่งน่าจะทำแบบงี้ไปเรื่อยบวกกับการพยายามเสริมภาพลักษณ์ให้กล้องถ่ายรูปโพลารอยด์นี้มองน่าสะพรึงกลัวขึ้นมา ด้วยการเล่นกับเสียงแฟลช ก็เพียงพอหลอนๆได้บ้าง ก็ถือได้ว่าเป็นการประดิษฐ์ที่ได้ประสิทธิภาพที่ดี เพราะเหตุว่ากล้องถ่ายรูปรุ่นในประเด็นนั้น ไม่มีแฟลช มิได้ดีไซน์ให้สามารถต่อพ่วงกับแฟลชด้วยไป

แต่ว่าแล้วอีกทั้งผู้กำกับรวมทั้งผู้เขียนเสมือนจะสนุกมือเกินความจำเป็น เพิ่มอีกต่อเติมเสริมแต่งกันจนกระทั่งเลยแย่ลงกว่าเดิม เสน่ห์ที่ทำมาหายหมดเกลี้ยง เมื่อทำให้ผีออกมาเป็นตัว มีเนื้อหนังแตะต้องได้ รังแกเหยื่อได้ เฮ้ยสรุปแล้วเป็นวิญญาณหรือปีศาจร้ายวะโน่น แล้วก็สิ่งที่ไม่มีซึ่งคำชี้แจงหลุดพ้นตรรกะมากมาย ก็อย่างที่ผู้คนจำนวนมากได้มองเห็นในแบบอย่างหนังล่ะครับผม

ถ้าหากคิดที่จะเผาหรือฉีกภาพโพลารอยด์ คนภายในภาพก็จะโดนเผาตามไปด้วย เป็นไฟมาจากไหนก่อน ถ้าหากโดนฉีกที่ไหนร่างกายก็จะฉีกให้ขาดไปด้วย โอ้โห เวอร์วังจริง และก็สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับหนังสยองขวัญ ซึ่ง polaroid ก็ยังคงเอกลักษณ์นี้ไว้ด้วย กับการกำหนดให้บรรดาเหยื่อในเรื่องจำเป็นต้องงามหล่อแต่ว่าไม่มีสมอง จะต้องทำเรื่องโง้ทึ่มจนกระทั่งน่ารำคาญ เหยื่อหลายๆตัวในประเด็นนี้ถูกใจเดินเข้าพบเสียงแปลกๆในบ้าน รวมทั้งที่สำคัญ น้องๆปิดไฟนะครับ และก็เดินในบ้านมืดๆโน่นล่ะ ดูแล้วปวดหัว

อย่างที่บอกไว้แต่เดิม ภาพยนตร์ประเด็นนี้จะดียิ่งขึ้นมากมายถ้าหากว่าพวกเขาใส่เรท R มาจริงๆมันโชคร้ายที่ถึงฉากคนเสียชีวิตแล้วกล้องถ่ายภาพจำเป็นต้องตัดไปถ่ายอันอื่น จนถึงไม่รู้เรื่องว่ามันกำเนิดอะไรขึ้นแม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องของนักแสดงก็ตาม ยิ่งเป็นคอสยองขวัญอย่างพวก Jigsaw หรือ Final Destination คงผิดหวังสุดๆเพราะเหตุว่าคนชอบดูหนังแนวไม่ไม่น้อยถูกใจมองฉากเลือดสาดกันทั้งหมด  หนัง จีน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดหวังว่าต้องการจะมองฉากสยดสยองจริงๆกดผ่านไปได้เลย แต่ว่าถ้าเกิดมองเอาเพลิดเพลินๆก็ได้อยู่

 

หนังจีน

 

ไอเดียน่าดึงดูด แต่ว่าสุดขอบไปหน่อยบอกก่อนว่าดีหนังที่มีไอเดียน่าดึงดูด แต่ว่าขยายเหลือเกินกระทั่งไม่มีตรรกะยากเกินจะชี้แจงได้ ภาพลักษณ์ผีวางแบบมาดูไม่น่ากลัว แม้กระนั้นก็มีฉากให้ตกอกตกใจจำนวนมาก มิได้ตกอกตกใจผีเลยคะ แต่ว่าหนังเล่นฉากตุ้งแช่ด้วยเสียง ตกอกตกใจเสียงดังโน่นล่ะ มิได้สะดุ้งภาพเลย เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังสาเหตุของกล้องถ่ายรูปโยงมาดี หลอกผู้ชมกลับไปกลับมา แต่ว่ามาตายกับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของผีที่เวอร์วังเหลือเกิน รอดูออนไลน์เหอะนะครับไม่เสียอรรถรสอะไร

ถ้าหากบอกกันตามจริงแล้วพล็อตค่อนข้างจะน่าดึงดูดเลยค่ะนะครับ หากแม้มันจะไปซ้ำทางหนังเรื่อง”ชัตเตอร์”ของบ้านพวกเรา แต่ว่าหากเอามาปรุงแบบเอาใจใส่รสบางครั้งก็อาจจะออกมากลมกล่อมละมุนละไมพอดีเลยก็ได้ครับ  หนังจีน จากที่ดูตัวอย่างมาแล้วเวลานี้ต้องการมองเลย แต่ว่าเอารู้เรื่องเว้นแต่ใส่ความสนุกสนานไม่พบแล้วยังรู้สึกว่าเสียเวล่ำเวลาอีกด้วยขอรับ

เรื่องราวก็ง่ายดายมากเลยนะครับ มีกล้องถ่ายภาพโดนศึกษาค้นพบ และจากนั้นก็ทดลองเอามาถ่ายมอง เพียงพอถ่ายแล้วผู้ที่โดนถ่ายก็จะหล่นไปครั้งละคน รวมทั้งไอ้พวกที่เหลืออยู่จำเป็นที่จะต้องหาทางไขปัญหา (ทึ่ตนเองดันทึ่มไปเกี่ยวพันด้วย) ก่อนที่จะในที่สุดก็ตกตามเพื่อนพ้องไปอยู่ดี

ต้องการบอกผู้แสดงว่า ภาพโพลารอยด์ไม่ต้องสลัดแรง ทำเพื่ออะไรค้าคุณพรี่ วางไว้เฉยๆก็ได้ ภาพก็ขึ้นในเวลาเสมอกัน เป็นฉากที่อารมณ์เสียมากมายๆหนังควบคุมโดย Lars Klevberg ผลที่ออกมาสำหรับหัวข้อนี้ผมว่าสอบตกแบบโดยทันทีเลยนะครับ ทั้งที่พล็อตสามารถเล่นอะไรได้มากกว่านี้ แม้กระนั้นหนังดันทำออกมาได้ห่วยมากมายขอรับผิดหวังที่คอย

พล็อตที่มันสูตรแบบไหนมันก็สูตรอย่างนั้นเลย แล้วก็มีทุกสิ่งทุกอย่างที่หนังผีตลาดจะมี มีตัวละครขี้โอ่ขี้แอ๊ค มีผีที่ไร้เหตุผล มีตำรวจที่ทึ่มที่พึ่งพิงพามิได้เลยจนถึงแอบงงงวยว่ามันสอบตำรวจผ่านได้ยังไงนะครับเนี่ย แล้วก็มีเสียงประกอบที่ดังกระหึ่มโรงแตกที่ว่ามา Annabelle: Creations มีทั้งหมดทั้งปวงนะครับ แต่ประเด็นนั้นใช้แบบมีประสิทธิผลต่อผู้ชมมากยิ่งกว่าประเด็นนี้อย่างชัดเจน

ส่วนตัวละครหลวงเรื่องนี่เป็นตั้งอกตั้งใจทำมาให้โดนด่าทอชัดๆเสมือนเอามาเฉือนกันตรงๆมันทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่คนธรรมดาจะไม่ทำกัน อาทิเช่น ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆในบ้านทั้งๆเพราะเหตุไรไม่เปิดไฟ แถมบางครั้งบางคราวก็กล้าที่จะบวกกับผีตรงๆแบบไม่กลัวตายกันอย่างยิ่งจริงๆ แถมนักแสดงทุกตัว ยังเป็นเหตุให้มองมิติเดียวอีกทั้งเรื่อง ผู้ใดกันดีดีแล้วบิดาพระ คนใดกันชั่วช้าสารเลวก็หยาบช้าหมดคำจะบอก ในส่วนนี้นับว่าไม่ผ่านอีกแล้ว

ในส่วนของผี อันนี้ปูมาดีเลิศ หยอดเงื่อนปัญหาของกล้องถ่ายรูปตัวนี้ได้น่าดึงดูดมากมายๆแม้กระนั้นแล้วความบากบั่นก็ลอยหายไปกับสายลม เนื่องจากว่าผู้กำกับตั้งใจจะให้ผีนั้นโกรธแค้นกระทั่งโงหัวไม่ขึ้น “ฉันมีเหตุมีผลเดียวเป็น ผู้ใดถ่ายภาพเราฆ่าหมด” เป็นตรรกะของผีที่อยู่ในประเด็นนี้ แล้วก็พลังผีของนางนี่สามารถไปฟัดกับผีจักรวาล The Conjuring ได้แบบสบายๆเลย เนื่องจากว่าพลังนี่โคตรจะมากมายเลย หนังจีน  อันนี้สะดุ้งตั้งแต่แบบอย่างแระ มันก็คือฉากเผารูป ที่จู่ๆแขนก็ไฟลุก โอ้โห! พลังนี่ครอบครองจักรวาลได้เลยมั้ง

อันนี้สำคัญมากในเรื่องที่ต้องการกล่าวเป็น Sound Effect ที่ใส่มาอะไรขนาดนั้น ขนาดฉากอะไรผ่านแบบแว้บๆก็ยังจะใส่เข้ามา จนกระทั่งเริ่มเกลียดชัง เพราะเหตุว่าแรกๆมันก็สะดุ้งอยู่นะ แต่ว่าพอเพียงใส่มาบ่อยๆเข้า บอกตรงๆเป็นเบื่อหน่ายนะครับ คิดอะไรไม่ออกบอก Jumpscare มาให้ผู้ชมสะดุ้งเล่น ทำให้มุขหลอกผีต่างๆมันดูกระจอกมากมายPolaroid ถ่ายติดตายคุณลักษณะเด่นเปิดเรื่องดี มีความมองลึกลับลึกลับซับซ้อนตามหลักหนังไต่สวน และก็สาเหตุของกล้องถ่ายรูปทำเป็นน่าดึงดูด

จุดอ่อน พลังผีคดโกงมากมาย ไร้เหตุผล ผู้แสดงโง่มากเชิญอารมณ์เสียสุดๆผีไม่น่ากลัวเก่งเกินใช้ท่าหมัดเด็ดได้บ่อยมาก ทำเอฟเฟกต์เสียงดังให้สะดุ้ง ที่เคืองจริงๆเป็นปูเรื่องราวของนางเอกมาเสมือนจะมีอะไร แม้กระนั้นในที่สุดก็มิได้ใช้ประโยชน์ มิได้เกี่ยวพันกับเรื่องราวหรือผีเลย ทำมาเพื่อสรุปเป็นห่วยขอรับ หากหวังมากมายกว่านี้คงจะจะต้องกล่าวว่าผิดหวัง

 

 

The Black Phone สายหลอน หลบซ่อนวิญญาณ

ฟินนีย์ ชอว์ เด็กผู้ชายเขินอายแต่ว่าฉลาดมาก วัย 13 ขวบ ที่ถูกไอ้มืดผลักลักพาตัวไปขังอยู่ด้านในห้องใต้ดินเก็บเสียง ที่ซึ่งผู้กระทำรีดร้องไม่ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ ขณะที่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณที่ติดอยู่ตรงฝาผนังเริ่มแผดเสียงดังขึ้นมา ฟินนีย์ก็ศึกษาและทำการค้นพบว่าเขาสามารถได้ยินเสียงของเหยื่อคนก่อนๆของมัน แล้วก็เหยื่อพวกนั้นก็ตั้งประณิธานเอาไว้ว่าจะก่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดสังกัดพวกเขาต้องไม่เกิดขึ้นกับฟินนีย์

เด็กชาย ‘ฟินนีย์ ชอว์’ (Mason Thames) เด็กผู้ชายเขินอายแต่ว่ามีแววอัจฉริยะวัย 13 ปี ที่ถูกฆาตกรโรคจิตโรคทางจิตภายใต้หน้ากากที่มีนามว่า ‘เดอะ เอ็งร็บเบอร์’ (Ethan Hawke) ลักพาตัวไปขังไว้ภายในห้องใต้ดินที่แสนจะอับทึบแล้วก็เงียบเชียบกระทั่งแทบไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงวิงวอน แม้กระนั้นในห้องนั้นกลับมีบางสิ่งอยู่ มันก็คือโทรศัพท์โบราณสีดำเครื่องหนึ่งที่ห้อยอยู่บนฝาผนังในห้องนั้น

ทันทีนั้น สถานะการณ์เหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้น เมื่อน้องกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ทั้งที่ตัวมันเองไม่มีซึ่งสัญญาณ เมื่อฟินนีย์รับสาย ปรากฏว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ ตามที่จริงแล้วเป็นโทรศัพท์ผีสิง  หนังจีน ปลายสายเป็นเสียงจากวิญญาณของเหยื่อคนก่อนๆของเดอะ มึงร็บเบอร์ ที่บากบั่นแผดเสียงมาถึงฟินนีย์ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้น้องเกิดเหตุซ้ำรอยราวเหยื่อคนก่อนๆ

รวมทั้งนี่เป็นงานดูแลและก็เขียนบทของ “สก็อต เดอร์ริกสัน” งานที่เขาตกลงใจเลือกที่จะสร้างแทนที่จะไปควบคุมภาคต่อของแพทย์แปลกให้มาร์เวล โดยหนังประเด็นนี้จับเอาพล็อตเรื่องมาจากเรื่องสั้นของ “โจ ฮิลล์” มาขยายความเป็นหนังเขย่าขวัญสุดระทึก ภายใต้เบื้องหลังที่เป็นสังคในตอนสมัยปี 1970s ที่มาพร้อมด้วยบรรยากาศที่เชื้อเชิญง่วงหงาวหาวนอนและก็เชิญชวนหลอนน่ากลัวไปพร้อมเพียงกัน ถึงแม้ส่วนประกอบหลานอย่างในหนังหัวข้อนี้จะซ้ำซากจำเจอย่างมาก แต่มีกิมไม่กที่ทำให้มองจบแล้วบันเทิงใจได้

การเล่าเรื่องของ The Black Phone อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีทั้งยังจุดที่ดีแล้วก็จุดที่ไม่ดีคละเคล้ากันไปตลอดทาง เนื่องจากว่าในแกนของความเป็นหนังเขย่าขวัญ หนังก็สามารถสร้างบรรยากาศและก็แรงกดดันผ่านนักแสดงมายังผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าก็กลับยังลืมเล่าอีกหลายๆส่วนที่คงจะเติมเต็มได้มากกว่านี้อีกหน่อย ส่วนในแกนสังคมรวมทั้งครอบครัวที่ราวกับจะปูทางมาค่อนข้างจะพอใช้ทีเดียว แม้กระนั้นก็เปลี่ยนเป็นว่าหนังยังพาผู้ชมไปถึงเรื่องต่างๆได้ไม่สุดเลยสักทางอยู่ดี เสมือนถูกทิ้งไว้ระหว่างทางหลายที

การเดินเรื่องดีเลิศๆสนุกสนาน ลุ้นระทึกแต่แล้ว โทนแล้วก็จังหวะของ The Black Phone ก็มิได้เสียรูปเสียทรงแบบ เนื่องจากว่าหนังยังค่อนข้างจะเล่าได้บันเทิงใจ บนเบื้องต้นของสูตรสำเร็จแบบที่เคยได้เห็นมาก่อน ระยะแรกๆที่เป็นการปูเรื่องบางทีก็อาจจะออกจะยืดไปสักหน่อยกับความจำเจที่เชื้อเชิญหลับอย่างยิ่งจริงๆ แต่ว่าพอเพียงหนังจับทางได้รวมทั้งไปสู่หลักสำคัญที่เป็นแก่นแท้ของเรื่องได้แล้ว ก็จัดว่าไหลลื่นและก็ไปได้ชำนาญตลอดทาง ไปจนกระทั่งไคลแม็กซ์ตอนสุดท้ายของหนังที่ผู้ชมควรต้องตบหัวเข่าฉาดให้กับสาแก่ใจ

ถึงแม้ The Black Phone จะใส่เนื้อหารวมทั้งชี้แจงเดียวกับค้างแรกเตอร์นักแสดงต่างๆมาได้แค่เพียงลักษณะผิวเผิน ไม่ว่าจะเป็นตัวละครนำ อย่าง ฟินนีย์ หรือ ไอ้มือผลัก ที่เป็นคนร้ายของหนังหัวข้อนี้ ทุกนักแสดงมิได้รับการเอาใจใส่สำหรับในการทำให้ผู้ชมรู้สึกชัดเจนมากเท่าไรนัก ผู้ชมเกือบจะไม่เคยรู้แล้วก็รู้จักกับพวกเขาพวกนี้เลยสักผู้เดียว แม้กระนั้นถ้าหากมองดูไปอีกมุมหนึ่ง เสมือนผู้ผลิตก็มิได้อยากให้พวกเราได้แทรกซึมรู้ดีไปถึงขั้นนั้น ถ้าหากมองดูในมุมมองของเหยื่อรวมทั้งคนก่อเหตุที่ไม่ได้อยากต้องการเผยอะไรเท่าไร

รวมทั้งนี่เป็นงานแสดงหนังใหญ่เรื่องแรกของ “เมสัน เทมส์” ศิลปินเด็กคนใหม่ที่บอกเลยว่าน่าจับตาพอได้ เว้นเสียแต่ฟิคเกอร์ต่างๆในรูปรูปแบบของเขาจะออกจะหล่อคมพัฒนาต่อไปได้แล้ว การแสดงของชายหนุ่มคนนี้ก็จัดว่ามาแบบมาดนิ่ง แม้กระนั้นตั้งใจจริงไปด้วยอารมณ์ผ่านลีลาได้อย่างดีเยี่ยม มองเห็นแล้วยังสามารถนำไปอบรมรวมทั้งปรับปรุงมีอนาคนได้อีกไกล

แม้กระนั้นอีกผู้ที่น่าตบมือให้ไม่แพ้กันเป็น “เมเดอลีน แม็กกรอว์” ที่สาวน้อยคนนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีประสบการณ์ทางการแสดงมามากยิ่งกว่า รวมทั้งแปลงเป็นอีกค้างแรกเตอร์ที๋สะดุดตา แบบที่ผู้ชมละสายตาไปจากคุณมิได้เลย ให้การแสดงออกมาได้เข้มข้นแล้วก็จัดจ้าอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นพลังการแสดงของศิลปินเด็ก ชูให้เป็นหนูน้อยที่ดำรงตำแหน่ง MVP ของหนังหัวข้อนี้ไปเลย

ในระหว่างที่ “อีธาน ฮอว์ก” ก็โรคทางจิตได้อย่างมือโปร ได้มือโปรมาจับบทนี้ก็ไม่ต้องเยอะอะไรมากมาย อาศัยเพียงแค่ความถนัดน้อยแม้กระนั้นมากมาย แต่ว่าออกมาหนก็คือน่าขนลุกแล้วก็ทรงประสิทธิภาพพอได้ หากว่าหน้าที่นี้ของเขาจะเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหาไม่น้อย  หนังจีน แต่ว่าแทบไม่มีช่องแสงสว่างมากมายสักเท่าไหร่ แต่ว่าเมื่อใดก็ตามโผล่ออกมา ก็น่าหวาดเสียวจับจิตจริงๆ

The Black Phone ก็จัดได้ว่าหนังเขย่าขวัญ ที่มีบรรยากาศของสมัย 70s ที่ถ่ายทอดออกมาได้สนุกสนานรวมทั้งได้อรรถรสค่อนข้างจะครบดี ถึงแม้ส่วนประกอบหลายๆอย่างของหนังประเด็นนั้นจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แม้กระนั้นการเล่าเรื่องที่ก้ำกึ่งระหว่างถูกใจกับเกลียด กับพาให้พวกเราเพลิดเพลินใจไปได้อย่างไม่รู้ตัว ไม่เชิงกับเป็นหนังผี แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลอนเลย โทนอาจก่อให้พวกเรารำลึกถึงพวกหนังจากงานนิพนธ์ของ “สตีเฟ่น คิง” อะไรทำนองนั้น ถึงมันจะรู้สึกบ่อยๆแต่ว่าเอาเข้าจริงก็สนุกสนานดีล่ะ

 

หนังจีน

 

หนังประเด็นนี้เป็นหนังที่เดอร์ริกสันรวมทั้งคาร์กิลล์ร่วมมือกันปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเรื่องสั้นความยาว 30 หน้า จากผลงานหนังสือรวมเรื่องสั้นแนวสยองขวัญติดอันดับ The New York Times Best Sellers ที่มีชื่อว่า ’20th Century Ghosts’ (2015) เขียนโดย โจ ฮิลล์ (Joe Hill) ซึ่งเขาก็คือลูกชายของ ‘สตีเฟน คิง’ (Stephen King) เจ้าพ่อสยองขวัญระดับตำนานนั่นเอง และก็ยังได้พี่ อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน ‘Sinister’ (2012) กลับมาร่วมชายคาบลัมเฮาส์อีกที

เนื่องจากว่าตัวเรื่องราวของหนังเล่าภายใต้บรรยากาศของเมืองโคโลราโดสมัย 70’s ซึ่งจริงๆยุคนี้นับว่าเป็นสมัยเรืองรองของคดีการฆ่า ลักพาตัว ฆาตกรโรคจิตเป็นทุนเดิม ตัวหนังก็เลยถือเอาบรรยากาศความหวาดกลัวแล้วก็ความท้อแท้อัปยศหัวใจจากสมัย 1970 มาสร้างบรรยากาศ ปูเรื่องให้ทราบถึงบรรยากาศความสยองขวัญผสมหมดกำลังใจของผู้ที่อยู่ในล้อมของเรื่องราว รวมทั้งเป็นแรงส่งให้พวกเรารู้สึกถึงการเคารพขั้นตอนการเล่าแบบหนังสยองขวัญสมัยเก่าไปด้วยพร้อมเพียงกัน ซึ่งจะว่าไปก็มีความคล้ายคลึงกับการเซตบรรยากาศความสยดสยองผสมคัลต์สมัย 80’s ในซีรีส์ ‘Stranger Things’ อยู่เช่นกันนะ

แม้กระนั้นถึงอย่างไรก็ตาม ตัวหนังเองก็มิได้อุตสาหะจะเล่นดนตรีโหมกระหน่ำฉากชั่วร้ายเลือดสาด หรือใส่ Jump Scare ตึ่งโป๊ะจ้ายล่อให้ผวาครับ ตรงกันข้าม ตัวหนังกลับเลือกเสื่ยงที่จะเล่าด้วยพล็อตลูกผสมระหว่างพล็อตหนังเฉือนแบบสแลชเชอร์ (Slasher) หนังเอาชีวิตรอดในที่ปิด วิญญาณอยู่ รวมทั้งพล็อตแนว Supernatural หรือแนวเหนือธรรมชาติ ที่เชิญชวนให้คิดถึงพล็อตสยองขวัญผสมเหนือธรรมชาติที่วางพล็อต ‘ชง-ปู-เก็บกลับ’ สไตล์สตีเฟน คิง ที่บางทีอาจชักชวนให้ระลึกถึง ‘It’ (2017) หรือแม้กระทั้ง ‘Sinister’ (2012) อยู่นิดๆแบบเดียวกัน

ตัวหนังสามารถควบคุมโทนเรื่อง รวมทั้งพล็อตออกมาได้ค่อนข้างจะดีเลยล่ะขอรับ ถึงแม้ตัวหนังในองก์แรกจะมีผลให้มีความรู้สึกว่าดำเนินเรื่องเนือยๆและก็มีลักษณะกระโดดๆผ่านๆไม่ยินยอมปูเรื่องบางเรื่องที่ควรปูไปบ้าง หนังจีน  เพราะว่าย้ำปูเรื่องของฟินนีย์ที่เป็นเด็กเฉลี่ยวฉลาดแม้กระนั้นโดนทำร้าย โดนบูลลี่เป็นหลัก แม้กระนั้นก็จำต้องสรรเสริญว่า ตัวบทสามารถวางโครงเรื่องได้ฉลาดหลักแหลมทั้งยังการวางพล็อต แล้วก็เบาๆวางจุดหักมุมของเรื่องเอาไว้ภายใต้การเล่าแบบนิ่งๆย้ำฉากความร้ายแรงที่จัดจ้าติดเรต R แต่ว่าตัวหนังกลับพึ่ง Jump Scare น้อยมาก แม้กระนั้นสามารถเล่าได้ท้อแท้ น่าสยดสยองได้เชื้อเชิญผวาดูเหมือนจะทุกดอก

แล้วก็ตัวหนังก็เฉลี่ยวฉลาดสำหรับเพื่อการวางรูปทรงระหว่างการเอาชีวิตรอดของน้องฟินนีย์จากห้องปิดตาย รวมทั้งความโรคทางจิตของคนร้ายหน้ากากอสุรกาย พร้อมๆไปกับเส้นเรื่องของนักแสดงที่มีความ ‘เหนือธรรมชาติ’ เป็นคนรอเปิดทางร่องรอยจากข้างนอกไปด้วย ก็เลยยิ่งทำให้เชิญชวนให้เอาใจช่วยทั้งสองไปด้วย กล่าวได้ว่าเป็นการลุ้นระทึกที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ แอบชวนขันร้ายเชื้อเชิญไหล่สั่น มีสารบางสิ่งบางอย่างให้คิดต่อ ก่อนที่จะปิดจ็อบด้วยฉากชั่วร้ายหนำใจแบบสุดเขตเรต R ทำให้หนังหัวข้อนี้นับว่าเป็นหนังสยองขวัญ-ทริลเลอร์ที่ครบรสแบบไม่มีอะไรค้างคาจริงๆ

 

Confidential Assignment 2

ฟีดหามหนัง-รีหนังหนัง Confidential Assignment 2: International จารชนโอปป้ารั่วส์ผ่านโลก – มาฮาลั่นต่อกับภารกิจครั้งใหม่ของพวกเขา ที่คราวนี้จะยกฐานะความเป็นสากลตามชื่อมากเพิ่มขึ้นใน “Confidential Assignment 2: International จารชนโอปป้ารั่วส์ผ่านโลก” หนังแอคชั้ฟ้าคต่อที่ครองบัลลังก์บ็อกซ์ที่ทำงานประเทศเกาหลีได้ตลอด 5 อาทิตย์ซ้อน เวลานี้กำลังจะออกเดินทางมาออกสู่สายตาผู้ชมคนไทยแล้ว จัดแจงพิสูจน์กันว่า…เพราะเหตุไรถึงปังเพียงนี้!

เมื่อคืนนี้วานนี้ (11 ตุลาคม) มงคลซินีม่า ในเครือสหมงคลฟิล์มฯ ได้เวลาดีจัดฉายรอบรอบปฐมฤกษ์หนแรกในประเทศไทยในโรงหนังเมเจอร์สินีเพล็กซ์ รัชโยธิน โดยที่มีสื่อมวลชนและก็แขกผู้มีเกียรติสนในร่วมงานกันแออัด โดยในคราวนี้บริษัทภาพยนตร์ยังได้แบ่งรอบฉายตามความพึงพอใจของคนชอบดูหนัง ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นเสียงต้นฉบับรวมทั้งเสียงบรรยายไทย หนังจีน  ที่ผลสรุปของหนังที่ออกมานั้นดูท่าสนุกสนานไม่มีความต่างกันเลย

กระแสตอบรับจากผู้ชมรอบแรกของหนังแอคชั่นขบขันหัวข้อนี้ หลายเสียงต่างบอกแบบเดียวกันว่า  betflix89 ภาคนี้กลับมาได้อย่างเป็นมือโปรเพิ่มมากขึ้น รายละเอียดรวมทั้งจังหวะของเรื่องเข้าที่เข้าทางเยอะขึ้น ดาราเข้าขากันมากยิ่งขึ้น แล้วก็มุกขบขันได้ยิ่งใส่แบบไม่ยั้ง เป็นหนังที่มีจังหวะหัวเราะเชิญเมื่อยล้าตลอด 2 ชั่วโมงแบบอันลิมิต ที่ใครๆก็กล่าวว่าสนุกสนานมันยกกำลังสองมากกว่าภาคที่แล้ว

 

หนังจีน

 

Confidential Assignment 2: International จารชนโอปป้ารั่วส์ผ่านโลก เกิดเรื่องราวของภารกิจระดับประเทศที่เปลี่ยนเป็นภารกิจโคตรรั่วเมื่อ “อิมชอลรยอง” จารชนสายชั่วร้ายจากประเทศเกาหลีเหนือถูกส่งตัว หนังจีน  ไปยังประเทศเกาหลีใต้เพื่อเริ่มภารกิจครั้งใหม่

จุดมุ่งหมายคราวนี้เป็นการตามล่าหัวหน้าหน่วยงานอาชญากรรมของประเทศเกาหลีเหนือ “จางมยองจุน” ที่กบดานอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ โดยคราวนี้ อิมชอลรยอง ร่วมมือกับ “คังจินแท” สายลับคนมึนที่อยากได้กู้เกียรติยศบนทางสายลับของตนเองอีกรอบ รวมทั้ง “พัคมินยอง” ยูทูปเบอร์สาวรั่ว แล้วก็เอฟบีไอตัวท็อปอย่าง “แจ็ค” มาร่วมเปลี่ยนแปลงภารกิจลับเต็มที่ให้รั่วส์เต็มที่ในคราวนี้

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...